HOTSPOT vs. PPPoE
ก่อนจะมาดูวิธีการ config mikrotik ในรูปแบบ PPPoE นั้น มาดูความแตกต่างระหว่างระบบที่เป็น Hotspot กับ PPPoE กันก่อนนะครับ
Hotspot นั้นมีข้อดีในเรื่อง user สามารถใช้งานได้ง่าย เพียงแค่เปิด web browser ขึ้นมา ก็จะถูกถาม user/pass แต่ข้อด้อยคือเรื่องของระบบความปลอดภัยหมายถึงเราไม่สามารถที่จะควบคุมเครื่องลูกข่ายได้เลย ว่าใครจะมาใช้งานระบบ wifi ของเราบ้าง ซึ่งก็จะหมายถึงหากมีเครื่องลูกข่ายที่ไม่ประสงค์ดี ทำการเชื่อมต่อเข้ามากับระบบเราแล้ว เขาสามารถที่จะกระทำการใดๆกับระบบได้ทันทีเช่นการ clone MAC Address เพื่อโจมตีหรือ อื่นๆ
PPPoE จะมีความปลอดภัยมากกว่าระบบ Hotspot เนื่องจากมีระบบการระบุตัวตนก่อนที่จะเชื่อมต่อเข้ามาใช้งานระบบเครือข่ายของเรา (authentication mechanism) หมายถึงว่าถ้าหากการระบุตัวตนไม่ผ่าน
ก็จะไม่สามารถเชื่อมต่อเข้ามาใช้งานเครือข่ายของเราได้ (ไม่ได้รับ IP Address) ดังนั้นปัญหาต่างๆก็จะเจอน้อยลง เช่น เรื่องการถูกโจมตี หรือ Netcut แต่มีขั้นตอนที่เพิ่มเติมที่ฝั่ง PPPoE client คือ ต้องการมี config ในส่วนของ user/pass ให้ถูกต้องก่อนที่จะทำการเชื่อมต่อเข้ามาสำเร็จ
ใน Mikrotik สามารถคอนฟิกทั้งระบบ Hotspot และ PPPoE Server ให้อยู่ใน box เดียวได้ แต่ต้องเป็นคนละ interface นอกจากนี้การจัดการเรื่อง user/pass จะสามารถใช้ userman หรือ external radius ก็ได้ในที่นี้เรามาดูการ config ให้ mikrotik เป็น PPPoE Server และใช้งานร่วมกับ external radius (RADIUS MANAGER DMASoftlab) ในการเก็บ account ทั้งหมดเพื่อจัดการแบบ centralize management
***ซึ่งคุณสมบัตินี้จะเหมาะกับ ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตรายใหญ่เช่น ISP หรือผู้ที่ต้องการให้บริการ internet แก่ลูกข่ายแบบ PPPoE Server